กรี้สสส ! มีเรื่องดีๆ จะมาแชร์ให้ฟัง เมื่อวันก่อนจอยได้มีโอกาสไป แว๊กซ์คิ้ว ที่ Anastasia Beverly Hills มาค่ะ!! อย่างที่รู้จักกันดีว่าแบรนด์นี้มีที่เขียนคิ้วอันเลื่องชื่อในตำนานอย่าง Brow Powder Duo ที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง จะบอกว่าบริการแว๊กซ์คิ้วของที่ร้านนี้ก็ดีมากๆ เช่นกัน!
จะบอกก่อนว่าในชีวิตจอยเคยแว๊กซ์คิ้วแค่ครั้งสองครั้งเอง เพราะส่วนใหญ่จะชอบกันคิ้วเอง ใช้แหนบถอนจึ๊กๆ กับเอากรรไกรเล็ม สะใจดี แต่บางทีมันก็จะแหว่งๆ บ้าง งงๆ บ้าง ตามสภาพ พอได้ไปแว๊กซ์คิ้วที่ร้านมา ก็รู้สึกว่า เห้ย! คิ้วเรามันสวยได้ขนาดนี้เลยหรอ! เขียนคิ้วง่ายขึ้นมาก แทบไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่มเลย เพราะโครงที่เค้าเซ็ตมาให้ มันดีจริงๆ
ไปค่ะ ไปแว๊กซ์คิ้วกัน ไม่น่ากลัวเลยนะจะบอกให้
ก่อนอื่นเราต้องทำการจองคิวกับทางร้านก่อนค่ะ walk in เข้าไปไม่น่าจะได้ เพราะคิวแน่นตลอด แถมต้องมาให้ถึงพอดีกับเวลานัดไม่เกิน 10 นาทีด้วยนะ ที่นี่เค้าตรงเวลามากๆ จ้า
บรรยากาศภายในร้าน สะอาดและสวยมากๆ ข้างในจะจัดโชว์อุปกรณ์แต่งคิ้วต่างๆ แบบครบครันเลย เห็นแล้วอยากสอยกลับบ้านซักชิ้นสองชิ้น
พนักงานต้อนรับดูแลเอาใจใส่เราดีมาก
ตอนแรกเค้าจะให้เรากรอกข้อมูลก่อนเข้ารับบริการ จากนั้นก็รอเค้าเตรียมห้องค่ะ! จะบอกว่าด้านในห้องมีหลายห้องมากๆ และปิดด้วยม่าน บรรยากาศด้านในดูสวยและเฟมินีนมากๆ
ช่างเสริมสวยจะให้เรานอนบนโซฟานุ่มๆ จากนั้นก็จะเริ่มวิเคราะห์ทรงคิ้วของเรา ถามว่าชอบคิ้วประมาณไหน มีแบบในใจไหม ชอบเส้นตรงหรือโค้งโก่ง หลังจากพูดคุยกันเสร็จ เค้าก็จะมาเช็คกับรูปหน้าของเราอีกทีว่าควรจะทำออกมาประมาณไหน (อ่อ! แล้วก็ต้องถามด้วยว่า เมื่อเร็วๆ นี้เราไม่ได้ทำการเลเซอร์หน้า หรือแว๊กซ์อะไรมาก่อนไหม เพราะไม่ควรทำติดต่อกันนะจ้า)
อย่างของจอย จอยบอกว่าชอบคิ้วตรงๆ สไตล์เกาหลี เค้าบอกว่าทำได้ แต่อาจจะมีความโค้งนิดๆ เนื่องจากพื้นฐานของโหนกคิ้วและขนคิ้วเดิมจอยมีความโก่งเล็กๆ
จากนั้นช่างจะเริ่มวัดจุดกำหนดของโครงคิ้ว ผ่านการลากเส้นจากขอบจมูก ไปขอบตา ไล่ไปยังคิ้วค่ะ เพื่อให้ได้ตำแหน่งที่พอดีกับรูปหน้าของเราที่สุด
หลังจากถมสีให้เห็นพอเป็นโครง ก็จะหันมาคุยกับเราอีกทีว่าประมาณนี้โอเคไหม ชอบรึยัง ถ้าโอเคแล้วก็จะเริ่มทำการแว๊กซ์คิ้วโดยรอบทันที
เนื่องจากตอนแว๊กซ์จะต้องปิดตาจอยเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู เขาจะใช้ไม้พายเล็กๆ ปาดแว๊กซ์อุ่นๆ มาแต้มบริเวณขอบๆ คิ้ว แล้วแปะด้วยแผ่นผ้า จากนั้นก็ดึง แคว๊ก! โอ๊ะ มีสะดุ้งจ้า ผมนี่ขนลุกเลย แต่ใครที่ทำบ่อยๆ ก็น่าจะชินนะ ถามว่าเจ็บไม๊ นี่ว่าเจ็บๆ คันๆ แบบยังทนได้สบายๆ
หลังแว๊กซ์เสร็จ แอบแดงเบาๆ ปกติจอยเป็นคนผิวแดงง่ายด้วย หลังจากนั้นช่างก็จะตามมาเก็บความเรียบร้อย เล็มขนที่ยาวเกินไป และใช้แหนบหนีบขนเส้นเล็กๆ ที่ยังหลงเหลือ เก็บงานแบบเนี๊ยบสุดๆ
ขั้นตอนสุดท้าย มาสก์คิ้ว เพื่อลดอาการระคายเคือง แถมจะช่วยกระชับรูขุมขน (ที่เพิ่งโดนกระชากไปเมื่อกี้นี้) เป็นมาสก์เย็นๆ เมนทอลมากๆ โป๊ะไปที่แสบๆ คันๆ คือสบายผิวขึ้นเยอะมากกก ฟินมากกก มาสก์ไว้ประมาณ 10-15 นาที แอบเกือบหลับไปเหมือนกัน
สุดท้ายช่างก็จะเขียนคิ้วให้ ใช้เป็นดินสอกับที่เขียนคิ้วเนื้อฝุ่นสี Caramel ลงให้บางๆ เพราะวันนี้ไม่ได้แต่งหน้าอะไรมากมาย คอนซีลผิวที่ยังแดงนิดๆ ให้ด้วย คือได้ลุคสวยพร้อมออกไปเดินช็อปปิ้งในห้างต่อได้เลย
สิริรวมใช้เวลาไปประมาณ 40 นาที ที่นี่เค้าทำแบบ ละเอียดมากกก แบบมากๆ จริงๆ ประทับใจ ก่อนทางเดินออก มีกระจกบานใหญ่ให้ส่องเช็คความเรียบร้อยอีกที หลังจากรับบริการเรียบร้อยก็ออกไปชำระเงิน จบปิ๊ง เดินออกจากร้านไปสวยๆ
มาดูภาพ Before&After กัน
คือชอบมากกกก ประทับใจมากกกกก เราสามารถไปทำเดือนละครั้งได้เลย หรือถ้าใครไปบ่อยๆ ไม่สะดวก จอยแนะนำว่า 4 เดือนไปทำครั้งก็ได้ เรากันคิ้วเองตามทรงคิ้วที่เค้าทำมาให้ พอเริ่มๆ จะเสียทรงก็ไปให้เค้าแว๊กซ์ใหม่ คิ้วจะได้สวยไปนานๆ
พอแว๊กซ์คิ้วกลับมาคือชีวิตดีขึ้นมากๆ เขียนคิ้วก็ง่าย แค่เติมๆ ให้คิ้วดูเต็ม ไม่ต้องกลัวจะเขียนคิ้วไม่เท่ากัน เพราะขนคิ้วเป๊ะมาแล้ว แถมดูเรียงเส้นสวย ไม่รุงรัง เลิฟมากจริงๆ อยากแนะนำให้ไปทำกัน อ่อ! แล้วคนที่ขนคิ้วบางก็สามารถไปแว๊กซ์คิ้วได้นะ เพราะมันจะช่วยทำให้คิ้วดูชัดขึ้น และเป็นทรงมากขึ้นด้วยจ้า
พูดถึงเรื่องราคากัน คอสที่จอยทำคือ Eyebrow Treatment Special ราคา 1,000 บาท (ซึ่งจะมีAfter Treatment Mask ปลอบประโลมและบำรุงผิวหลังการแว๊กซ์) และสำหรับ Eyebrow Treatment ปกติ ราคา 800 บาท (ไม่มีมาสก์) อ่อ! แล้วที่นี่เค้ามีหลายสาขามากๆ ยังไงก็ลองนัดสาขาที่ใกล้บ้านดูนะจ้า
แล้วไว้เจอกันใหม่บทความหน้านะคะ บ้ายบาย